สเปรด (Spread) และ คอมมิชชั่น (Commission) คือต้นทุนในการเปิดออเดอร์ หากค่าใช้จ่ายส่วนนี้น้อยลง จะช่วยให้เทรดเดอร์ ประหยัดเงินในพอร์ตลงทุนไปเป็นจำนวนมาก

ตัวอย่าง สเปรดสูง

นาย ก เปิดออเดอร์ Buy คู่เงิน XUAUSD จำนวน 1 Lot ในทันทีที่เปิดออเดอร์จะติดลบทันที -35$ ทุกๆการเคลื่อนที่ 1 จุด จะเป็นจำนวนเงิน 10 ดอลลาร์สหรัฐ

หากเทรดเดอร์ปิดออเดอร์ เมื่อราคาขึ้นไป 3 จุด จะทำให้ขาดทุนทันที -5$ (สาเหตุ เสียค่าสเปรด 35$ แต่ได้กำไรมาแค่ 3 จุด หรือ 30$ เมื่อหักค่าสเปรดออกไป จึงทำให้ขาดทุน 5$)

ตัวอย่าง สเปรดต่ำ

นาย ก เปิดออเดอร์ Buy คู่เงิน XUAUSD จำนวน 1 Lot ในทันทีที่เปิดออเดอร์จะติดลบทันที -10$ ทุกๆการเคลื่อนที่ 1 จุด จะเป็นจำนวนเงิน 10 ดอลลาร์สหรัฐ

หากเทรดเดอร์ปิดออเดอร์ เมื่อราคาขึ้นไป 3 จุด จะทำให้ได้กำไรทันที 20$ (สาเหตุ เสียค่าสเปรด 10$ แต่ได้กำไรมา 3 จุด หรือ 30$ เมื่อหักค่าสเปรดออกไป จึงทำให้ได้กำไร 20$)

จากตัวอย่างเห็นได้ว่า ทั้ง 2 ตัวอย่างกราฟราคาเคลื่อนที่เท่ากัน เปิดออเดอร์ ขนาด Lot เท่ากัน ปิดออเดอร์ด้วยการเคลื่อนที่เท่ากัน แต่ต่างกันที่ อีกโบรกเกอร์หนึ่งที่สเปรดสูงจะขาดทุน แต่โบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำจะกลายเป็นกำไร นี่จึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงเพราะนอกจากจะช่วยให้ประหยัดเงินลงทุนแล้วยังถือว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มกำไรอีกด้วย

นอกจากนี้บางโบรกเกอร์ ยังมีการเก็บค่าคอมมิชชั่น (Commission) ในการฝากถอนเงิน หากหลีกเลี่ยงตรงจุดนี้ไปได้ ก็จะเพิ่มโอกาสในประหยัดเงินลงทุนอีกด้วย