Chart Pattern คืออะไร ? เทคนิคที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้ การที่คุณจะเข้ามาทำกำไรจากตลาด Forex คุณจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้ให้มากเพราะว่าตลาด Forex เป็นตลาดเงินที่มีความผันผวนสูงมากและก็ไม่ใช่ตลาดที่ใครจะเข้ามาทำกำไรจากมันได้ง่ายๆ ดังนั้นเทรดเดอร์แต่ละคนจึงต้องผ่านการศึกษาและเรียนรู้เทคนิคการทำกำไรจากตลาด Forex และทดลองใช้เทคนิคต่างๆมาบ้างแล้ว อย่างเช่น Candlestick (การฟแท่งเทียน), Price Action (พฤติกรรมราคา), Indicator (อินดิเคเตอร์) และก็ Chart Pattern หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Price Pattern (รูปแบบของราคา) และการฝึกฝนเทคนิคต่างๆนั้นสำคัญอย่างมากเพราะมันจะทำให้คุณสามารถอยู่รอดในตลาดนี้ได้อย่างมั่นคง แต่วันนี้ผมจะพาทุกๆท่านไปรู้จักกับ Chart Pattern หรือ Price Pattern ซึ่งเป็นเทคนิคที่นักเก็งกำไรทั่วโลกเลือกใช้กันอย่างแพร่หลาย จึงมีความจำเป็นมากที่คูณจะต้องรู้เรื่อง Chart Pattern หรือ Price Pattern และศึกษาเทคนิคการใช้งานมันอย่างละเอียด แต่เทคนิคนี้ต้องใช้ระยะเวลานานในการเรียนรู้กว่าจะเข้าใจ ดังนั้นผมขอให้คุณตั้งใจศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้แย่างน้อยหนึ่งรอบ เพราะมันจะเป็นประโยชน์กับคุณอย่างแน่นอน
Chart Pattern กับ Price Pattern คืออะไร?
Chart Pattern กับ Price Pattern คือ “รูปแบบของราคา” ซึ่งจะแสดงออกมาก็ต่อเมื่อกราฟแท่งเทียนเรียงตัวกันจนเกิดรูปแบบหรือลักษณะที่ใช้เป็นตัวช่วยที่เป็นสัญญาณการซื้อ-ขายในตลาด Forex ได้ ซึ่งผู้ที่คิดค้นหลักการนี้มีแนวคิดที่ว่า ราคาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมักจะเกิดรูปแบบเดิมซ้ำๆ ซึ่งเป็นเทคนิคอีกอย่างหนึ่งที่เทรดเดอร์สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ในตลาด Forex ได้ ส่วนการนำเทคนิค Chart Pattern หรือ Price Pattern ไปใช้นั้นก็จะคล้ายๆกับการดู กราฟแท่งเทียน (Candlestick) แต่อาจจะเป็นการดูภาพรวมที่ใหญ่กว่ามากและยังแม่นยำอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เทรดเดอร์หลายๆคนเลือกใช้ Chart Pattern หรือ Price Pattern ในการทำกำไรในตลาด Forex
Chart Pattern หรือ Price Pattern นั้นเป็นรูปแบบของราคาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่เกิดซ้ำๆ จึงได้มีผู้ที่รวบรวมรูปแบบต่างๆไว้เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่กำลังศึกษารูปแบบการเกิดของ Chart Pattern หรือ Price Pattern ว่ามันมีรูปแบบไหนบ้าง เพื่อเทรดเดอร์จะนำรูปแบบเหล่านั้นมาใช้ช่วยในการตัดสินใจซื้อ-ขายให้แม่นยำมากขึ้น ดังนั้นผมจะพาเทรดเดอร์ทุกๆท่านไปรู้จักกับ Chart Pattern หรือ Price Pattern รูปแบบพื้นฐานที่ควรรู้และดูง่ายที่เทรดเดอร์นิยมใช้กันนะครับ เพราะถ้าให้อธิบายทั้งหมดคงจะยาวมากๆเพราะรูปแบบของมันมีมากมายเหลือเกินไปดูกันเลยครับ
Chart Pattern หรือ Price Pattern นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns) และ รูปแบบการไปต่อ (Continuous Patterns) ที่นี้ก็ไปดูรายละเอียดกันหน่อยดีกว่า ว่าประเภทของรูปแบบที่ว่านี้มีลักษณะเป็นแบบไหนและควรจะเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns)
รูปแบบการกลับตัวจะมีลักษณะที่กราฟราคาเรียงตัวกันจนเกิดรูปแบบที่บ่งบอกว่ามันจะกลับตัวหรืออาจแสดงว่ามันจะกลับตัวเร็วๆนี้ เมื่อสิ้นสุดรูปแบบเหล่านั้นให้เทรดเดอร์เตรียมตัววิเคราะห์ว่ากราฟราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
- หากรูปแบบนั้นเกิดขึ้นที่เส้น “แนวรับ” ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าแนวโน้มอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น
- หากรูปแบบนั้นเกิดขึ้นที่ “แนวต้าน” ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าแนวโน้มอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลง
รูปแบบการไปต่อ (Continuous Patterns)
รูปแบบการไปต่อจะมีลักษณะที่กราฟราคาเรียงตัวกันจนเกิดรูปแบบที่บ่งบอกว่ามันกำลังจะไปต่อหรือจะมีการไปต่อเร็วๆนี้ รูปแบบการไปต่อ (Continuous Patterns) จะเป็นรูปแบบที่กราฟราคาไปต่ออย่างต่อเนื่องหรืออาจจะมีการพักตัวแล้วเกิดรูปแบบการไปต่อแบบนี้เกิดขึ้น ให้เทรดเดอร์เตรียมตัววิเคราะห์ว่ากราฟราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
- หากรูปแบบนั้นเกิดขึ้นที่ “แนวโน้มขาลง” ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าแนวโน้มยังคงไปต่อไม่เปลี่ยนแปลง ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าแนวโน้มขาลงนั้นยังคงลงอย่างต่อเนื่อง
- หากรูปแบบนั้นเกิดขึ้นที่ “แนวโน้มขาขึ้น” ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าแนวโน้มยังคงไปต่อไม่เปลี่ยนแปลง ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าแนวโน้มนั้นยังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่าง รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns)
รูปแบบ Double Top
“Double Top” มีลักษณะที่มียอดสูงสุด 2 ยอด ที่กราฟราคาเรียงตัวจนเกิดยอด 2 ยอดที่ใกล้เคียงกันตรงบริเวณเส้นแนวต้าน เป้าหมายต่อไปในการวิเคราะห์ถ้าเทรดเดอร์เจอรูปแบบลักษณะนี้ก็คือ หากว่ากราฟราคาได้ทะลุเส้น Neck Line (เส้นแนวรับ) ลงมา ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้วขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลง
วิธีทำกำไรจาก Double Top
- ให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell ถ้าราคาทะลุเส้น Neck Line ลงมา
- แล้วให้วัดว่าจากเส้น Neck Line ขึ้นไปจนถึงยอดของ Double Top มีจำนวนกี่ Pip
- จากนั้นให้ตั้งเป้าหมาย (TP) ที่ราคาน่าจะลงไปถึงที่จำนวน Pip ที่เท่ากัน
รูปแบบ Double Bottom
“Double Bottom” มีลักษณะที่เหมือนกับ (Double Top กลับหัว) หรือมีจุดต่ำสุด 2 จุด ที่กราฟราคาเรียงตัวจนเกิดยอดต่ำสุด 2 ยอดที่ใกล้เคียงกันตรงเส้นแนวรับ เป้าหมายต่อไปในการวิเคราะห์ถ้าเทรดเดอร์เจอรูปแบบลักษณะนี้ก็คือ หากว่ากราฟราคาได้ทะลุเส้น Neck Line (เส้นแนวต้าน) ขึ้นไป ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้วขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น
วิธีทำกำไรจาก Double Bottom
- ให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Buy ถ้าราคาทะลุเส้น Neck Line ขึ้นไป
- แล้วให้วัดว่าจากเส้น Neck Line ลงไปจนถึงยอดของ Double Bottom มีจำนวนกี่ Pip
- จากนั้นให้ตั้งเป้าหมาย (TP) ที่ราคาน่าจะขึ้นไปถึงที่จำนวน Pip ที่เท่ากัน
รูปแบบ Head & Shoulder ขาลง
“Head & Shoulder ขาลง” มีลักษณะเป็น ไหล่ซ้าย (Left Shoulder หรือ L), หัว (Head หรือ H), ไหล่ขวา (Right หรือ R) โดยยอดตรงกลางหรือ H จะเป็นยอดที่สูงที่สุด ส่วนยอดทางซ้าย L และ ยอดทางขวา R จะต้องมียอดที่ต่ำกว่า H ป้าหมายต่อไปในการวิเคราะห์ถ้าเทรดเดอร์เจอรูปแบบลักษณะนี้ก็คือ กราฟราคาได้มีการทะลุเส้น Neck Line ลงมา ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่า ราคาน่าจะมีการกลับตัวจากแนวโน้วขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลง
วิธีทำกำไรจากรูปแบบ Head & Shoulder ขาลง
- ถ้าราคามีการทะลุเส้น Neck Line ลงมา ให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell
- แล้วให้วัดระยะว่าจากเส้น Neck Line ขึ้นไปจนถึงยอดของ Head ว่ามีจำนวนกี่ Pip
- จากนั้นให้ตั้งเป้าหมาย (TP) ที่ราคาน่าจะขึ้นไปถึงที่จำนวน Pip ที่เท่ากัน
รูปแบบ Head & Shoulder ขาขึ้น
“Head & Shoulder ขาขึ้น” มีลักษณะเป็น ไหล่ซ้าย (Left Shoulder หรือ L), หัว (Head หรือ H), ไหล่ขวา (Right หรือ R) โดยยอดตรงกลางหรือ H จะเป็นยอดที่ต่ำที่สุด ส่วนยอดทางซ้าย L และ ยอดทางขวา R จะต้องมียอดที่สูงกว่า H ป้าหมายต่อไปในการวิเคราะห์ถ้าเทรดเดอร์เจอรูปแบบลักษณะนี้ก็คือ กราฟราคาได้มีการทะลุเส้น Neck Line ขึ้นไป ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่า ราคาน่าจะมีการกลับตัวจากแนวโน้วขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น
วิธีทำกำไรจากรูปแบบ Head & Shoulder ขาขึ้น
- ถ้าราคามีการทะลุเส้น Neck Line ขึ้นไป ให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Buy
- แล้วให้วัดระยะว่าจากเส้น Neck Line ลงไปจนถึงยอดของ Head ว่ามีจำนวนกี่ Pip
- จากนั้นให้ตั้งเป้าหมาย (TP) ที่ราคาน่าจะขึ้นไปถึงที่จำนวน Pip ที่เท่ากัน
ตัวอย่าง รูปแบบการไปต่อ (Continuous Patterns)
รูปแบบ Triangle
“Triangle” มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมหรือรูปกรวยแบบนอนตะแคงข้าง กราฟราคาจะเคลื่อนที่ในกรวยนั้นจนเกิดรุปแบบสามเหลี่ยมนอนตะแคงข้างขึ้นมา เป้าหมายต่อไปในการวิเคราะห์ถ้าเทรดเดอร์เจอรูปแบบลักษณะนี้ก็คือ หาก “แนวโน้มเป็นขาขึ้น” ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาน่าจะไปตามแนวโน้มขึ้นเหมือนเดิม และถ้าหาก ”แนวโน้มเป็นขาลง” ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่า ราคาน่าจะไปตามแนวโน้มลงเหมือนเดิม
วิธีทำกำไรจากรูปแบบ Triangle
- หากแนวโน้มเป็นขาขึ้นและราคาทะลุออกจากกรวยขึ้นไปให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Buy เพราะว่าราคาน่าจะไปตามแนวโน้มขึ้นเหมือนเดิม
- หากแนวโน้มเป็นขาลงและราคาทะลุออกจากกรวยลงมาให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell เพราะว่าราคาน่าจะไปตามแนวโน้มลงเหมือนเดิม
- ให้เทรดเดอร์วัดระยะจากเส้น แนวรับ และ แนวต้าน ของกราฟราคาตั้งแต่เริ่มเกิดเป็นรูปแบบ Triangle ว่ามีจำนวนกี่ Pip
- ให้กำหนดจุดเป้าหมาย (TP) ที่ราคาน่าจะขึ้นไปถึงที่จำนวน Pip ที่เท่ากัน
รูปแบบ Flag
“Flag” มีลักษณะเหมือนกับ Sideway ที่วิ่งขึ้นลงภายในกรอบแต่ลดระดับหรือเพิ่มระดับเป็นแนวเฉียงลงมาหรือขึ้นไป เป้าหมายต่อไปในการวิเคราะห์ถ้าเทรดเดอร์เจอรูปแบบลักษณะนี้ก็คือ หาก “แนวโน้มเป็นขาขึ้น” ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาน่าจะไปตามแนวโน้มขึ้นเหมือนเดิม และถ้าหาก ”แนวโน้มเป็นขาลง” ให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่า ราคาน่าจะไปตามแนวโน้มลงเหมือนเดิม
วิธีทำกำไรจากรูปแบบ Flag
- หากแนวโน้มเป็นขาขึ้นและราคาทะลุออกจาก Flag ขึ้นไปให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Buy เพราะว่าราคาน่าจะไปตามแนวโน้มขึ้นเหมือนเดิม
- หากแนวโน้มเป็นขาลงและราคาทะลุออกจาก Flag ลงมาให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell เพราะว่าราคาน่าจะไปตามแนวโน้มลงเหมือนเดิม